แฟชั่น เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษวา fashion ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคํา
นี้วา "สมัยนิยมหรือวิธีการที่นิยมกันทั่วไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง" เปนการยอมรับจนเกิดเปนคานิยม มี
กระบวนการเกิดภาษาใหมซึ่งเปนชวงเวลาหนึ่งเทานั้น ซึ่งแตกตางจากคําวา “วิวัฒนาการ” ที่ทฤษฎี
ของ ชารลสดารวินระบุไว้ว่าวิวัฒนาการคือการเปลี่ยนแปลงที่ตองใช้เวลายาวนานและสามารถ
ถายทอดสิ่งนั้นไปสู่ลูกหลานได คําวาแฟชั่นมักมีความหมายเกี่ยวกับการแตงตัว
การเมือง เศรษฐกิจ ภูมิอากาศ ฯลฯ ในศตวรรษที่ 20 แฟชั่นโลกเปลี่ยนแปลงไปอยางเห็นได
ชัดเจน โดยเฉพาะปี ค.ศ. 1920 - 1930 หรือเรียกวายุคแฟลปเปอร(Flapper)ที่ผูหญิงสวมกระโปรง
สั้นเปนครั้งแรก และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ผูหญิงตองออกจากบาน
เพื่อทํางานหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นเสื้อผาที่สวมใสยอมเปลี่ยนไปเพื่อเอื้อประโยชนในผูสวมใสมากขึ้น
กางเกงจึงเปนที่นิยม ตั้งแตยุคแฟลปเปอร์เปนตนมาแฟชั่นของโลกจึงไดกาวเขาสูความเปนสากล
เพราะการติดต่อสื่อสารของโลกตะวันตกและตะวันออกเปนไดเปดกวางมากขึ้น มีการไปมาหาสู่กัน
แฟชั่นของโลกตะวันตกจึงเขามามีบทบาทกับโลกตะวนออก เชน ผูหญิงไทยเลิกนุ่งโจงกะเบน
เพื่อความเปนสากล
ลักษณะหรือแบบแผนของเสื้อผาเครื่องแตงกายของแตละยุคสมัยเรียกวา สไตล (Style)แต
ละคนมีสไตลการแตงตัวไม่เหมือนกัน เชน บางคนชอบแตงตัวสไตลพั้งค์(Punk) หรือเด็กสาวๆ
ชอบสไตลเซ็กซี่ที่ฝรั่งเรียกว่า ราซี่ (Racy or Provocative) สวนคําวา เทรนด (Trand)คือแฟชั่น
ลาสุดที่กําลังเปนที่นิยมในขณะนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น